NEWS AND EVENTS

Haute Horlogerie Thailand (HH Watches Group)

WHAT WOULD VOLTAIRE MAKE AND WEAR TODAY?

Mr. David Gouten แห่ง Manufacture Royale และ Mr. Antoine Geraud จาก Kerbedanz สองอินดิเพนเดนซ์ว็อชแบรนด์ ภูมิใจนำเสนอนาฬิกาแนวอินดิเพนเดนซ์เรือนพิเศษที่ส่งตรงจากสวิสเซอร์แลนด์เพื่อให้นักสะสมชาวไทยได้มีโอกาสสัมผัสนาฬิกาเรือนพิเศษจากทั้งสองแบรนด์นี้ โดยจัดเป็นงานแสดงที่นอกจากจะเปิดโอกาสให้ได้ชมนาฬิกาที่หาชมกันได้ยากเหล่านี้แล้ว ยังจะได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของแบรนด์และผู้บริหารแบรนด์ เพื่อให้ได้ทราบถึงความเป็นมา และที่มาของนาฬิการุ่นต่างๆ อยากลึกซึ้งอีกด้วย
“Manufacture Royale มีโอกาสได้มาที่ประเทศไทยและจัดงานดินเนอร์หลายครั้งแล้วที่ประเทศไทย และคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่ครั้งนี้เราจะได้มีเวลามากขึ้นกับการจัดเอ็กซ์ฮิบิชั่นที่ผู้ที่สนใจจะได้มีเวลาอย่างที่แต่ละคนว่าง เพื่อที่จะได้ค่อยๆ ใช้เวลาชม และพูดคุยกับเราเพื่อให้ได้มีเวลากับชิ้นงานพิเศษๆ เหล่านี้อย่างเต็มที่” Mr. David กล่าวถึงการจัดงานของ Manufacture Royale ในครั้งนี้ มรดกทางประวัติศาสตร์ที่ Voltaire ได้ริเริ่มขึ้นเมื่อกว่าสองศตวรรษก่อน ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในปี 2010 และเริ่มเดินหน้าเข้าสู่สายการผลิตพร้อมนำออกสู่ตลาดอย่างจริงจังหลังจากที่ David Gouten นักธุรกิจชาวฝรั่งเศสผู้ย้ายถิ่นพำนักมายังสวิตเซอร์แลนด์เพื่อทำงานในวงการนาฬิกาและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสุดยอดนาฬิการะดับสูงกับกลไกสุดซับซ้อนตระกูล Opus ของแบรนด์ Harry Winston ได้ร่วมกับลูกพี่ลูกน้องของเขา Alexis Gouten เข้าถือครองแบรนด์และกำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินงานในปัจจุบัน โดยนาฬิกาทุกคอลเลคชั่นของ Manufacture Royale ในปัจจุบัน สร้างขึ้นจากการจินตนาการถึงบุคลิกภาพและปรัชญา รวมถึงแนวคิดของ  Voltaire นั่นก็คือ เสรีภาพทางความคิด การกล้าแสดงความเห็นที่แตกต่าง กล้าในการวิพากษ์วิจารณ์ และความกล้าในการทำตามแนวคิดของตัวเอง จึงนำมาซึ่งผลงานที่มีความโดดเด่นและแตกต่างในทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่ดีไซน์ภายนอกไปจนถึงกลไกที่อยู่ภายใน โดยกลไกรูปแบบฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ใช้กับนาฬิกา Manufacture Royale ทุกเรือน ล้วนผลิตขึ้นโดยโรงงานของ Manufacture Royale เอง ซึ่งตั้งอยู่ในแถบจูราของสวิตเซอร์แลนด์ โดยทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้คอนเซ็ปต์หลักว่า “หากวอลแตร์ยังอยู่ ณ วันนี้ เขาจะสร้างและใส่นาฬิกาแบบไหน”   ตัวอย่างที่สำคัญของนาฬิกาแบรนด์นี้คือนาฬิการุ่น Androgyne ซึ่งปัจจุบันนี้มีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมเป็นในเวอร์ชั่นรุ่นย่อยอย่าง Royale Blue ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของนาฬิกาดีไซน์สตีมพั้งค์สไตล์เครื่องจักรไอน้ำที่แสดงให้เห็นถึงยุคเรืองรองของการเดินทางทางน้ำที่มีบทบาทสำคัญในอดีต
คอลเลคชั่น Androgyne มาพร้อมกับกลไกตูร์บิยอง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลไกพื้นฐานของแบรนด์ โดยมีการเปิดแท่นกลไกให้สามารถมองเห็นได้ในรูปแบบสเกเลตัน กับกลไกคาลิเบอร์ MR06 ทำงานที่ความถี่ 21,600 รอบต่อชั่วโมงด้วยชุดตูร์บิยองแบบฟลายอิ้งพร้อมบอลแบร์ริ่งเซรามิค เอสเคปเม้นท์วีลและพาลเลทฟอร์คซิลิคอน ให้กำลังสำรองลานได้ยาวนานถึง 108 ชั่วโมง บริจด์เคลือบพีวีดีสีน้ำเงิน แสดงเวลาด้วยเข็มสตีลแบบโปร่ง และใช้สกรูว์ทั้ง 12 ชิ้นบนขอบตัวเรือนทำหน้าที่เป็นหลักชั่วโมงในการอ่านค่าเวลา ตัวเรือนสตีลโครงสร้างแบบซับซ้อนประกอบด้วยชิ้นส่วน 52 ชิ้น ขนาด 43 มิลลิเมตร หนา 10.2 มิลลิเมตร สวมกระชับรับข้อมือด้วยขาตัวเรือนที่สามารถขยับองศาได้ตามขนาดของข้อมือ คู่มากับสายหนังจระเข้สีน้ำเงินรับกับโครงสเกเลตันบนหน้าปัดอย่างลงตัว